Alaska (อลาสก้า) ดินแดนอัศจรรย์ในฝันของใครหลายคน ใครได้ไปเยือนจะต้องหลงใหลในมนต์สเน่ห์ของธรรมชาติในดินแดนแห่งนี้ ดินแดนที่ขอบผืนฟ้า จรดธารน้ำแข็ง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคำจำกัดความของ “อลาสก้า” เลยทีเดียว

Alaska เป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาหน้าหนาวยาวนานหนาวเย็นสุดขั้วแต่ก็ยังทำให้ที่นี่กลายเป็นพื้นที่ที่มีธรรมชาติที่สวยงามการเดินทางมาอาจจะลำบากหน่อยแต่ถ้ามาโดยการล่องเรือสำราญแล้วละก็ไม่ผิดหวังแน่นอนเพราะสถานที่บางที่มาโดยเรือเท่านั้นถึงจะได้เห็นถือเป็น Unseen เลยทีเดียวกิจกรรมมีให้ทำหลากหลายเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสายรักธรรมชาติรักการผจญภัยและการถ่ายรูปเพราะดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยทัศนียภาพธรรมชาติที่แปลกใหม่งดงามและอลังการ

กิจกรรมที่น่าสนใจรอต้อนรับผู้มาเยือน ไม่ว่าจะเป็นล่องเรือชมธารน้ำแข็งสุดอลังการ หรือ Glacier ขนาดยักษ์ที่อาจได้พบปลาวาฬ โผล่ขึ้นจากผิวน้ำ หรือจะเดินบนภูเขาน้ำแข็งก็ทำได้ กิจกรรมผจญภัยแบบเอ็กซ์ตรีมต่างๆ เช่น ล่องแก่ง ปีนเขา เดินป่า คุณสามารถเลือกเดินป่าแบบ Into the Wild ที่หากโชคดีอาจได้พบกับหมีกริซลี่ตัวเป็น ๆ ด้วยนะ และยังมีชมสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ที่จะได้พบเห็น นอกจากนี้ไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างของที่นี่ก็คือ การนั่งสุนัขลากเลื่อน การเล่นสโนว์ไคท์ หรือ ชมแสงเหนือมหัศจรรย์บนขอบฟ้า

มาเริ่มกันที่กิจกรรมการล่องเรือชมความอลังการของธารน้ำแข็งขนาดยักษ์ Glacier Bay National Park อุทยานแห่งชาติกลาเซียร์ เบย์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ทุกคนต้องปักหมุดไว้เป็นอันดับต้นๆ เมื่อมาเยือนที่อลาสก้า ถ้าโชคดีหน่อยอาจจะได้เห็นภาพธารน้ำแข็งที่กำลังเลื่อนตกสู่พื้นน้ำจนทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนกลายเป็นธารน้ำแข็งอันสวยงามเกินบรรยาย ถือเป็นไฮไลท์แรกที่สำคัญของอลาสก้า มาที่นี่สามารถเดินป่า ตั้งแคมป์ ปีนเขา พายเรือคายัค ล่องแก่ง ตกปลา และชมสัตว์นานาชนิดได้ในที่เดียว

Inside Passage  เส้นทางการเดินเรือที่ล่องผ่านหมู่เกาะต่างๆ เสน่ห์ของเส้นทางนี้ คือ วิวทิวทัศน์และธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นเมืองต่างๆ ตามหมู่เกาะ เทือกเขา ธารน้ำแข็ง และเหล่าสัตว์ป่าหายากนานาพันธุ์ ระหว่างทางเราสามารถแวะเยี่ยมชมเมืองท่าต่างๆ ได้ เช่น เมืองจูโน่ เมืองสแกกเวย์ และเมืองวิกตอเรีย เป็นต้น

Juneau เมืองจูโน เมืองหลวงของอลาสก้า เมืองนี้ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขา และทะเล ทำให้เข้าถึงได้ยากกว่าเมืองอื่นๆ เนื่องจากสามารถเดินทางได้แค่ทางเครื่องบิน หรือเรือเท่านั้น ดังนั้นภายในเมืองยังคงมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ดึดดูดให้นักเดินทางต้องมาสัมผัสให้ได้ และกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเมืองนี้ คือ การขี้นเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปบนพื้นผิวของธารน้ำแข็ง Mendenhall Glacier ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่อันดับต้นๆของอเมริกา พร้อมเดินชมถ้ำน้ำแข็ง เยี่ยมชมเหล่าสุนัขไซบิเรียนฮัสกีที่แสนน่ารัก 

Skagway เมืองสแก็กเวย์มีความโดดเด่นในเรื่องสีสันของบ้านที่มีสไตล์แบบคาวบอย กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคือ Dog Sledding ที่จะมีฝูงน้องหมาลากเลื่อนไปบนพื้นหิมะ และนั่งรถไฟสาย White Pass & Yukon Route เป็นรถไฟเก่าแก่ที่ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1898 ใช้เพื่อขนส่งทองคำออกจากรัฐอลาสก้า ถือว่าเป็นรถไฟสายประวัติศาสตร์

Ketchikan เมืองที่เป็นแหล่งต้นกำเนิดของปลาแซลมอน ในช่วงเดือนสิงหาคมจะเป็นฤดูวางไข่ของปลาแซลมอน ก็จะเห็นหมีมาคอยจับปลาแซลมอนที่ว่ายทวนน้ำขึ้นมาวางไข่ ได้รับฉายาว่าเป็น ‘แหล่งแซลมอนของโลก’ ใครชอบกินปลาแซลมอนห้ามพลาดเลยเมืองนี้ สด ใหม่ อร่อยแน่นอน และสำหรับขาช้อปที่อยากจะหาซื้อของฝากกลับไปฝากคนที่บ้าน เมืองนี้ของฝากราคาถูกและดี

อีกหนึ่งกิจกรรมที่จะได้ทำเมื่องมาเที่ยวอลาสก้าก็คือกิจกรรมชมปลาวาฬที่เป็นกิจกรรมโดดเด่นของเมือง Sitka เมืองเล็กๆ ริมอ่าวที่อุดมไปด้วยอาหารเลิศรสจากท้องทะเล  รวมถึงมีสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือวาฬ ซึ่งแทบจะการันตีเลยว่าจะเห็นวาฬแน่นอน เพราะบ้านมันอยู่ที่นี่นั่นเอง

เมื่อพูดถึง Alaska ก็คงหนีไม่พ้นการชมสัตว์ต่างๆโดดเด่นในเรื่องธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดและจากเส้นขอบฟ้าสู่ชายฝั่งมีสัตว์จำนวนมากกว่า 400 สายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ซึ่งแตกต่างกันไปตามพื้นดินเพื่อรอคอยนักผจญภัยหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการสำรวจถิ่นทุรกันดารของ Alaska คือทางทะเลสำรวจธรรมชาติอากาศดีเยี่ยมร่มรื่นชมธรรมชาติชมพฤติกรรมทางธรรมชาติของหมี Grizzly ที่ดักจับปลาเทร้าส์ในลำธารบริเวณกิจกรรมดูปลาวาฬรวมถึงเหล่าสิงโตทะเลแมวน้ำนกอินทรีและสัตว์ป่าอื่นๆอีกมากมาย

บอกเลยถ้าได้มาสัมผัสที่อลาสก้าแล้วไม่ผิดหวังแน่นอนช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการไปเที่ยวอลาสก้าเราขอแนะนำช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงประมาณเดือนกันยายนซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนของที่นั่นช่วงเวลากลางวันยาวนานที่สุดและอุณหภูมิไม่หนาวเย็นมากนักและช่วงฤดูร้อนนี้เองอุทยานแห่งชาติกลาเซียร์เบย์จะเปิดให้เข้าชมธารน้ำแข็งด้วยนะ