มีหลายเหตุผล ที่ทำให้ทุกคนหลงรักประเทศญี่ปุ่น บางคนท่องเที่ยวเพื่อเน้นหาของกินที่อร่อยๆ บางคนไปเพื่อช็อปปิ้ง บางคนชอบไปเพื่อเพียงอยากสัมผัสดินแดนอาทิตย์อุทัยสักครั้งในชีวิต วันนี้ราจะพาทุกคนไปดู จุดเช็คพอยท์ ตามเมืองต่างๆ เมื่อมาเยือนญี่ปุ่น สถานที่เที่ยวสวย ที่ไม่ควรพลาด จะมีที่ไหนบ้าง ตามไปบุกกันเลย

เริ่มที่สายกินกันก่อนเลย กับ ซุ้มขายอาหารสไตล์ยาไต (Yatai Food Stall) มา Fukuoka ทั้งทีแต่ไม่ไปลองชิมราเมงฮากาตะตามซุ้มอาหารแบบยาไตดู นี่บอกเลยว่าพลาดมาก เหมือนมาไม่ถึงญี่ปุ่นเลยนะ เพราะเสน่ห์แบบท้องถิ่นที่สามารถสัมผัสได้ง่ายๆ ก็คือการไปนั่งกินสตรีทฟู้ดตามข้างทางนี่แหละ ซึ่งซุ้มอาหารสไตล์ยาไตของฟุกุโอกะนั้นมีเอกลักษณ์ตรงที่แต่ละร้านมีที่นั่งจำนวนจำกัด เพียง 6-10 ที่เท่านั้น และเมนูยอดนิยมก็หนีไม่พ้นราเมงแบบฮากาตะ และเมนูแผักย่างของเค้านี่คือของขึ้นชื่อเลย หรือใครต้องการน้ำซุปร้อนๆ หรือ ทานอะไรเบาๆ ก็มีหลายร้านในแถบนั้นที่ขายโอเด้งอยู่เหมือนกัน

มาดูเมืองเก่า ญี่ปุ่น ต้นฉบับกันบ้าง กับเมือง Kyoto คงไม่ต้องบอก ก็น่าจะรู้กันดีว่าที่นี่เคยเป็นอดีตเมืองหลวงเก่าของประเทศนี้ มีวัด และศาลเจ้าเยอะแยะมากมาย ให้เหล่านักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้ รวมไปถึงบ้านไม้สไตล์ญี่ปุ่น ที่ยังมีให้เห็นเยอะในเมืองนี้

มาต่อกันที่เมืองโอซาก้า (Osaka) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของญี่ปุ่น และเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสำหรับญี่ปุ่นตะวันตก นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชม อ่าวโอซาก้า ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางความทันสมัยที่สุด และสวนสนุก Universal Studios Japan

แต่ ที่พลาดไม่ได้อย่างยิ่ง ก็คือ ปราสาทโอซาก้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี 1586 โดย โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ปัจจุบันเป็นป้อมปราการสูงห้าชั้น จำลองแบบจากของเดิม เก็บรักษาศิลปวัตถุโบราณหลายชิ้น สำหรับแหล่งบันเทิง และเอาใจสายช้อปปิ้ง กับสายกิน ต้องแวะ คือ ย่านอุเมะดะ และ ย่านนัมบะ เหมาะสำหรับนักจับจ่ายซื้อของ และนักชิมอาหาร “คุอุดะโอะเระ” ถนนนักชิมที่มีชื่อเสียงสมคำเล่าลือ ที่ว่าโอซาก้าเป็นเมืองสำหรับนักชิมอย่างแท้จริง อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ เช่น ยากินิกุ, ซูชิ และทาโกะยากิ

สำหรับนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูป อีกหนึ่งสถานที่ๆ แนะนำให้ลองมาเที่ยวดูสักครั้งหนึ่งใน Tokyo นั่นคือ “ป่าไผ่ Sagano” เป็นป่าไผ่ที่ถูกจัดให้เรียงรายตามทางเดินเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร ตามทางเดินจะร่มรื่นด้วยความเป็นธรรมชาติ นับว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างของเมืองเกียวโต ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากให้มาเที่ยวที่ป่าไผ่แห่งนี้ จุดเด่นอีกอย่างคือจะมีบริการรถลากแบบโบราณ ให้คุณได้ชมป่าไผ่แบบญี่ปุ่นดั้งเดิม หรือใครจะเช่าชุดแบบญี่ปุ่นมาใส่ถ่ายรูป ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

แต่หากใครไม่อยากเที่ยวเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นอย่างโตเกียว และโอซาก้า แนะนำให้ลองมาเที่ยวที่เกาะ Okinawa ดู เพราะเกาะโอกินาว่าถือเป็นเกาะที่ใหญ่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ที่สำคัญคือเป็นเกาะที่อยู่ใกล้ไทยมากที่สุด ไฮไลท์ของเกาะโอกินาว่า คือเป็นเหมือนเมืองตากอากาศ มีวิวทะเลสวยๆ อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ และมีอุทยานแห่งชาติ สามารถมาดำน้ำดูปะการังสวยๆ ได้ที่นี่

หรือถ้าพูดถึงเรื่องชายหาด ทะเล และกิจกรรมดำน้ำทะเลลึก เกาะ Ishigaki นั้นเต็มไปด้วยหาดทรายสีขาว และน้ำทะเลที่ใสแจ๋วงดงาม จึงมีชายหาดมากมายที่ทำกิจกรรมทางทะเลได้กระจายอยู่ทั่วไปเลยเช่น ที่ “หาดฟุซากิ“ และ “หาดมาเอะซาโตะ“ คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์การพายเรือคายัคในทะเล และเรือเจ็ทสกี แน่นอนว่ารวมถึงการเล่นน้ำทะเลด้วยนะ

และยังมี “ชายฝั่งชิราโฮะ“ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแนวปะการังหลากหลายประเภท รวมถึงปะการังสีน้ำเงินที่หายากมาก คุณสามารถชมแนวปะการังที่มีสีสันอย่างใกล้ชิดด้วยการดำน้ำสน็อกเกิ้ล และการดำน้ำสกูบากันที่นี่เลย

อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าลอง เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นคือ การอบทรายร้อนที่อุบุซุกิ จังหวัด Kagoshima ถือเป็นกิจกรรมยอดฮิตชนิดต้องห้ามพลาดเมื่อมาคิวชูกันเลย ถ้าพาตัวเองมาถึงคาโกชิมะแล้วไม่มาอบทรายร้อนที่นี่ก็ถือว่ามาไม่ถึงคาโกชิมะนะ ที่นี่เป็นการอบทรายร้อนตามธรรมชาติซึ่งเป็นเพียงที่แห่งเดียวในญี่ปุ่น ที่อื่นก็มีแต่ไม่ใช่ทรายร้อนตามธรรมชาติบนชายหาดแบบนี้ คือถ้าน้ำลดจะฝังกลบกันบนชายหาดตามธรรมชาติเลยแต่ส่วนมาก น้ำจะขึ้น เราเลยต้องอบกันในสถานที่ที่เค้าจัดให้ ซึ่งอยู่ติดกันนั่นล่ะ

เป็นยังไงกันบ้างครับ จุดเช็คพอยท์ของญี่ปุ่น จริงๆมีอีกเพรียบ ทุกๆเมืองของเค้าก็จะมีสถานที่ๆ น่าสนใจ เหมาะกับการถ่ายรูป ชมธรรมชาติ โดยเฉพาะทัศนียภาพ และบรรยากาศในเมืองของญี่ปุ่น ดึงดูดให้ทุกคนอยากได้เห็นความสวยงามเหล่านี้กับตาของตัวเอง หรือถ้าใครมาเป็นคู่การเลือกชมวิวเมือง ตอนกลางคืนก็เป็นไอเดียที่ดีเลยทีเดียว โรแมนติกมากอย่าบอกใคร